พีทมอส นับว่าเป็นพืชกรุ๊ปแรกๆของโลกที่ปรับปรุงจากน้ำขึ้นสู่บก มีคลอโรฟิลด์สีเขียวไว้สังเคราะห์ด้วยแสงสร้างของกินก็เลยสามารถอยู่ได้เพียงลำพัง แต่ว่าด้วยองค์ประกอบของมันยังไม่จัดว่าเป็นพืชหลายเซลล์ เนื่องจากมอสส์ไม่มีราก ลำต้น รวมทั้งใบที่จริงจริง ทั้งยังยังไม่มีดอกก็เลยจะต้องขยายพันธุ์ด้วยสปอร์ โดยอาศัยลม น้ำ หรือแมลงพาไป โดยมอสส์จะขึ้นเรียงแน่นชิดกัน มองคล้ายกับประพรมที่ปกคลุมต้นไม้ หรือหินเอาไว้
“ต้นหญ้ามอสส์” (mosses) มีอยู่ทั่วๆไปในป่าดิบชื้น ทั้งยังในระดับค่อนข้างต่ำแล้วก็ระดับที่ถือว่าสูง จะมีความคิดเห็นว่าพืชชนิดนี้ปกคลุมราก ลำต้น กิ่ง รวมทั้งใบของต้นไม้ หรือ ตามหินอยู่ธรรมดา จัดเป็นพืชอาศัย (epiphytic plants) ที่อาศัยพักอยู่ตามราก ลำต้น กิ่งรวมทั้งใบของต้นไม้ด้วยการใช้รากเกาะยึดอยู่ตามผิวของส่วนนั้นๆโดยที่มิได้ส่งรากแทรกแทงทะลุเข้าไปแย่งของกิน
ตัวอย่างเช่น กาฝาก พืชที่เกาะขึ้นกับตามหินและก็ผิวหินธรรมดาในป่านั้นก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย มอสแห้งที่พวกเราเคยตามป่าหรือจุดที่มีความชุ่มชื้น ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วๆไป ลักษณะพิเศษของสแฟกนั่มมอสนั้น เว้นแต่ตัวสิ่งของที่มีความโปร่งสบาย พีทมอส น้อยลงแล้ว เมื่อนำไปแช่น้ำให้เปียก สามารถซับน้ำได้ค่อนข้างจะดี มีค่าความเป็นกรดด่างที่ไม่สูงมากจนเกินความจำเป็น
น.ส.กาญจนา วงค์กุณา นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้รับทุนจากบีอาร์ทีในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมอส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในประเทศไทยก็มีการนำมอสมาใช้ในการจัดสวน หรือตกแต่งอาคารบ้านเรือน ตู้ปลา แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากนัก ส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้ามอสจากต่างประเทศ ที่เพาะปลูกภายในประเทศยังมีไม่มากนัก
และยังมีข้อจำกัดในการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์มอส ซึ่งสามารถทำได้เพียงบางชนิดเท่านั้น เช่น สวนมอสฮ่อมดอย จ.เชียงใหม่ ที่เพาะปลูกมอสและส่งออกในรูปแบบต่างๆ ทั้งแผ่นมอส, กรอปรูปมอส, บ้านกุ้งมอส ซึ่งเป็นที่นิยมมากในประเทศที่มีการเลี้ยงกุ้งสีสวยงาม”หากมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์มอส
น่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจการจำหน่ายมอสสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้นับล้านบาท และช่วยขยายการใช้ประโยชน์มอสในด้านสิ่งแวดล้อมได้มากยิ่งขึ้น เพราะมอสเปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศที่มีชีวิต ช่วยผลิตออกซิเจนแล้วยังช่วยดักจับฝุ่นละอองในอากาศได้เป็นอย่างดี ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น รักษาอุณหภูมิและความชุ่มชื้นให้คงที่” น.ส.กาญจนา กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์
Contents
พีทมอส อุปกรณ์ปลูกพืชที่ใช้แทนดิน
โดยเหตุนี้ พีโคลนอสเป็นซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันในชั้นดินเป็นระยะเวลาหลายพันปี พีโคลนตมอสมักเจอในแถบอากาศหนาวจัด ดังเช่น อลาสก้า ทางภาคเหนือของเมืองจีน ส่วนมากรอบๆที่มีอากาศหนาวจัดจะเป็นรอบๆที่มีป่าสนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว พืชซึ่งสามารถเจริญวัยได้ดิบได้ดีรอบๆนั้นเป็นมอสรวมทั้งต้นสน ซึ่งในฤดูร้อนมอสจะขึ้นก้าวหน้า
รวมทั้งในฤดูหนาว พืชต่างๆที่อยู่รอบๆนั้นจะตายลง ทำให้มีการสะสมของซากพืชแล้วก็ซากสัตว์ในรอบๆดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นหลายพันปี พีโคลนอสก็เลยมีธาตุอาหารเยอะมากๆ พีโคลนตมอสมีความร่วนซุยและก็โปร่ง มีช่องว่างกลางอากาศมากมาย ทำให้น้ำรวมทั้งอากาศถ่ายเทสะดวก อีกทั้งมีคุณลักษณะสำหรับเพื่อการเก็บกักความชุ่มชื้นเจริญ เหมาะสำหรับนำมาใช้เพื่อสำหรับการปลูกพืชอย่างยิ่ง
ก็เลยเหมาะสมกับการนำมาอนุบาลต้นไม้ที่รากบางครั้งอาจจะยังไม่แข็งแรงมากมาย หรืออยากล่อรากให้เดินได้ดิบได้ดีและหลังจากนั้นก็ค่อยกลายเป็นอุปกรณ์ปลูกอื่น ยิ่งกว่านั้นยังสามารถนำไปดัดแปลงได้นานาประการต้นแบบ ไม่ว่าจะใช้ในลัษณะของการโปะรากอากาศเพื่อล่อราก หรือจะใช้เป็นเสาค้ำสำหรับไม้เลื้อยได้อีกด้วย
นับว่าเป็นดูดซึมเซ็ตที่เกิดขึ้นมาจากการสลายตัวของสแฟกนั่มมอส ซึ่งตายทับถมกันมานานตรงเวลาหลายพันปี พวกเราจะเจอพีทมอสอยู่ด้านล่างของสแฟกนั่มมอสที่ยังมีชีวิต พบได้บ่อยที่แถบอากาศหนาวได้แก่ที่ อลาสก้า ทางทางเหนือของจีน และก็สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เป็นสิ่งของปลูกประสิทธิภาพสูงจากธรรมชาติ สำหรับชดเชยดินเพาะกล้า ซึ่งสามารถซับน้ำ แต่ว่ามีความโล่งที่ทำให้พืชได้อากาศทั่วถึง ไม่ยุ่ยสลายตัวตัวเร็วเกินความจำเป็น
นอกเหนือจากนั้นยังเป็นวัดที่มีจุดน่าดึงดูดเป็น เรื่องเกี่ยวกับความเป็นมารวมทั้งความศรัทธาของเพดานที่เลอะเลือด ซึ่งแต่เดิมเป็นเพดานนี้เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของพระราชวังฟุชิมิ (Fushimi Castle) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกียวโต (Kyoto) วังที่นี้เกิดเหตุราวมากสำหรับในการแปลงช่วง ไม่เป็นกรดหรือด่างเหลือเกิน ก็เลยนิยมใช้ปลูกไม้ชนิดไม้รับประทานแมลง
เรื่องที่มีชื่อเสียงรับทราบโดยทั่วถึงซึ่งก็คือ การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ของซามูไรรวมทั้งการฆ่าตัวตายกลุ่มของทหารที่ปราชัย ทำให้ภายหลังจากจบการเข่นฆ่า ได้ประกอบพิธีผู้ตัดสินรื้อถอนเพดานรวมทั้งบอร์ดปูพื้นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวนั้น ถูกย้ายไปที่วัดต่างๆเพื่อเป็นที่ระลึกนึกถึงแก่คนที่สละชีวิตรวมทั้งคนึงถึงความจำที่น่าขนลุกของอดีตกาลก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
ในทางวิชาพฤกษศาสตร์ มอสส์เป็นพืชประเภทมอสหรือพืชไม่มีท่อลำเลียง มีลักษณะต่างจากลิเวอร์เวิร์ตที่ละม้ายกับมันเป็นส่วนเหมือนรากมีหลายเซลล์ นอกนั้นลำต้นแล้วก็ใบยังแสดงถึงไม่เหมือนกันได้ ถ้าเกิดใบไม่เป็นแฉกลึกหรือเป็นข้อบ่งถึงพืชประเภทนี้เป็นมอสส์ ส่วนไม่เหมือนกันอื่นๆนั้นไม่สามารถที่จะแยกมอสส์แล้วก็ลิเวอร์เวิร์โคนอกจากกันได้
มอสส์เป็นพืชที่ไม่มีท่อลำเลียง ทำให้ส่วนเพิ่มเติมขึ้นมาโน่นเป็นมีแกมีโทไฟต์ที่เด่นในวงจรชีวิต เป็นเซลล์ของพืชมีโครโมโซมหนึ่งชุด (haploid) ส่วนสปอโรไฟต์ (เป็นมีโครโมโซมสองชุด (diploid)) มีชีวิตที่สั้นกว่ารวมทั้งสังกัดแกมีโทไฟต์ หากจะเปรียบเทียบกับพืชหลายเซลล์ก็คือ ในพืชมีเม็ด โครโมโซมหนึ่งชุดที่ใช้แพร่พันธุ์ก็คือเกสรแล้วก็ออวุล ในตอนที่โครโมโซมสองชุดเป็นพืชมีดอกอีกทั้งต้น
พีทมอสในประเทศไทย
เมืองไทยซึ่งเป็นเมืองที่มีอากาศร้อนยังไม่มีแถลงการณ์ว่ามี peatland ที่จะสามารถขุดพีทมอสขึ้นมาใช้ได้ ด้วยเหตุนี้พีทมอสก็เลยจำต้องนำเข้ามาจากต่างชาติทั้งผอง โดยประเทศที่มีการผลิตพีทมอสลำดับต้นๆของโลกตัวอย่างเช่น แคนาดา เยอรมัน ประเทศฟินแลนด์ ประเทศสวีเดน และก็ รัสเซียถ้าหากเจอมอสส์กำเนิดเชื้อราแห้งตาย จำเป็นต้องรีบแยกออกมาจากกรุ๊ป
มอสส์บางครั้งอาจจะสร้างอวัยวะสืบพันธุ์แยกกัน(เสมือนดอกแยกเพศอยู่ต่างต้นในพืชมีเม็ด) หรืออยู่ร่วมกัน(ราวกับดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น) ในมอสส์ที่สร้างอวัยวะสืบพันธุ์แยกกันของลับผู้แล้วก็ภรรยาจะอยู่บนพืชแกมีโทไฟต์ที่แตกต่างกัน ในมอสส์อวัยวะสืบพันธุ์อยู่ร่วมกัน(หรือที่เรียกว่ามีช่อดอกเพศผู้รวมทั้งเพศภรรยาร่วมต้น)จะมีอวัยวะสืบพันธุ์ผู้รวมทั้งภรรยาบนต้นเดียวกัน
สเปิร์มจากแอนเทอริเดียมจะว่ายไปสู่อาร์คิโกเนียมและก็การปฏิสนธิจะเกิดขึ้น ได้เป็นไซโกต ถัดมาก้าวหน้าเป็นเอ็มบริโอ แล้วก็ค่อยนำไปสู่สปอโรไฟต์ที่มีโครโมโซมสองชุด สเปิร์มของมอสส์มีสองแส้เซลล์เป็นมีสองแฟลเจลใช้ในลัษณะของการเขยื้อน ตั้งแต่สเปิร์มว่ายสู่อาร์คิโกเนียมการถือกำเนิดจะไม่เกิดขึ้นได้ถ้าเกิดไม่มีน้ำ
ข้างหลังการปฏิสนธิ,สปอโรไฟต์ที่ยังไม่สุกจะถูกดันออกมาจากกระเปาะอาร์คิโกเนียม มันบางทีอาจใช้เวลา ¼ ถึงครึ่งปีสำหรับสปอโรไฟต์จะเจริญวัยเต็มกำลัง สปอโรไฟต์ประกอบไปด้วยส่วนที่ยึดติดกับแกมีโทไฟต์ที่เรียกว่าฟุต, ก้านยกอัปสปอร์ที่เรียกว่า seta, และก็อับสปอร์โดยหมวกของมันเรียกว่าฝาปิด(operculum)
อับสปอร์รวมทั้งฝาปิดอยู่ในฝักบิดโดยหมวกโครโมโซมหนึ่งชุดซึ่งเป็นที่เหลือของกระเปาะอาร์คิโกเนียม หมวกจะหลุดออกเมื่ออับสปอร์สุก ปากของอัปสปอร์มีรูปฟันเป็นรูปแหวนที่เรียกว่าเพอริสโตม ในอับสปอร์,เซลล์สปอร์ที่ทำขึ้นโดยการแบ่งเซลล์แบบไมโอสิเศร้าใจปริมาณโครโมโซมลงครึ่งเดียวเปลี่ยนเป็นสปอร์โครโมโซมหนึ่งชุด แล้วก็เมื่อสปอร์มึงรวมทั้งอัปสปอร์แตกออก สปอร์กระจัดกระจายออกรวมทั้งเริ่มวงจรชีวิตอีกรอบ
กระบวนการปฏิบัติดูแลมอสส์
มอสส์ เป็นพืชที่ปลูกได้ไม่ยากแม้กระนั้นดูแลยาก พื้นที่ปลูกจำเป็นต้องไม่มีกระแสลมพัด รอบๆโรงเรือนควรจะปลูกต้นไม้หรือไม้พุ่มทรงเตี้ยปกป้องลม โรงเรือนจำเป็นจะต้องควบคุมอุณหภูมิให้สมควร การใส่ปุ๋ยควรที่จะใช้ปุ๋ยกล้วยไม้แบบเจือจางเพียงแค่นั้น ไม่มีศัตรูพืชก่อกวน ก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สารเคมี สิ่งที่ควรรอบคอบเป็น หอย ควรที่จะใช้ยากำจัดหอยวางไว้บริเวณเรือนเพาะชำแค่นั้น
แล้วทำลายก่อนที่จะเชื้อราจะขยายไปถึงแปลงอื่น ควรจะให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นตลอดระยะเวลา ตอนที่ร้อนมากจำต้องเพิ่มการพ่นหมอกให้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการพ่นด้วยระบบสปริงสหายร์ มีการตรวจตราน้ำด้วย เป็นน้ำจำเป็นจะต้องไม่มีหินปูนหรือสนิมเหล็ก มอสส์ที่ทำเป็นสินค้าจำเป็นจะต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังหมายถึงไม่มีวัชพืช เศษดิน แมลงศัตรูพืช ด้วยเหตุว่าการส่งต่างถิ่นจึงควรผ่านการตรวจสอบจากกรมวิชาการเกษตร
จากคุณลักษณะดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ก็เลยมีการนำมอสมาใช้ประโยชน์ในด้านสภาพแวดล้อม ดังเช่นว่า ใช้มอสข้าวตอกแตกฤษี (Sphagnum moss) หุ้มดินในกระถางดอกไม้ ใช้สำหรับเพื่อการจัดสวน หรือในประเทศเมืองหนาว ตัวอย่างเช่น นิวซีแลนด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีการปลูกมอสในลักษณะซึ่งคล้ายทุ่งข้าว โดยส่วนของมอสที่ตายแล้วจะอัดแน่นทับถมกันอยู่ทางด้านตนหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวเนื่อง
ส่วนที่ยังมีชีวิตอยู่จะเติบโตอยู่ข้างบน ซึ่งส่วนบนนั้นใช้ประโยชน์จัดสวนหรือตกแต่งตกแต่งที่อยู่อาศัย ส่วนที่ทับถมอยู่ทางด้านใตนจะนำไปขายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเตาผิงในบ้านเรือน หรือในเยอรมนีมีการปลูกมอสข้างทางแนวทาง แทนการปลูกต้นหญ้า ซึ่งช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาได้รวมทั้งทุ่นค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาด้วย
Chopped Coconut Bract (กาบมะพร้าวสับ)
กาบมะพร้าวเป็นอีกสิ่งของหนึ่งที่นิยมใช้กันแพร่หลาย ซึ่งหรูหราความละเอียดไปตั้งแต่กาบมะพร้าวหยาบคายชิ้นใหญ่ สับละเอียด ไปจนกระทั่งขุยมะพร้าวอย่างยิ่งจริงๆ คุณลักษณะของกาบมะพร้าวค่อนข้างจะใกลเคียงกับสแฟกนั่มมอสตรงซึ่งสามารถซับน้ำได้ออกจะมากมายโดยก่อนใช้ชอบนำไปแช่น้ำให้ซึมถึงเนื้อใน รวมทั้งเป็นการล้างความเป็นกรดด่างที่อาจมากเกินความจำเป็นในการเติบโตของต้นไม้
ต้นกล้าในระยะเริ่มต้นของการพัฒนาต้องการสารอาหารและการดูแลเอาใจใส่เป็นจำนวนมาก เพื่อพัฒนาระบบรากของคุณดังนั้นจึงสามารถใช้เวอร์มิคูไลท์เป็นส่วนประกอบเสริมได้ ควรใช้ในสัดส่วน 1: 1 กับพีทที่เป็นกลาง องค์ประกอบดังกล่าวจะให้ส่วนประกอบที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับการเจริญเติบโตของต้นไม้เล็กหรือพุ่มไม้และจะช่วยป้องกันโรคและการขาดสารอาหารในช่วงปีแรก ๆ ก่อนปลูกต้นกล้าหลุมจะเต็ม 30%
วิธีการปลูกเช่นไฮโดรโปนิกส์พบว่ามีการใช้งานอย่างกว้างขวางในพืชสวน แต่ก็มีของตัวเองเช่นกัน ด้านลบ… การขาดดินมักนำไปสู่ความจริงที่ว่าพืชหยั่งรากค่อนข้างยากและไม่ได้รับส่วนประกอบที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เพียงพอ นี่ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าระบบรากไม่สามารถหาดินและจับมันได้ เวอร์มิคูไลท์ในกรณีนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเพาะปลูกได้อย่างมากเนื่องจากความปลอดเชื้อและความเบา สารตั้งต้นไม่เพียง
แต่ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนดินบางส่วนเพื่อปลูกพืชในระบบไฮโดรโปนิกส์ได้เท่านั้น แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นด่างที่เป็นกลางพร้อมกับความเฉื่อยของสารเคมีอีกด้วยโดยต้นไม้ที่ใช้กาบมะพร้าว ชอบเป็นไม้ที่รากอยากได้ยึดเหนี่ยว ในตอนที่ยังมีความหนาแน่นที่ไม่มากจนเกินไปจนกระทั่งรากชอนไชมิได้ ตัวอย่างเช่น กล้วยไม้ กรุ๊ปฟิโลเดนดรอน และก็ยังรวมทั้งเหล่ามอนสเตอร่านั่นเอง
ตั้งอยู่ใกล้กับอะระชิยะมะ (Arashiyama) เป็นวัดขนาดเล็กมีบรรยากาศด้านในวัดอีกทั้งสงบเงียบ ถูกปกคลุมด้วยร่มเงาต้นไม้ที่โอบล้อมแล้วก็มีสวนมอสที่สมบูรณ์บริบูรณ์เดินคู่กับต้นเมเปิ้ล เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะกลายเป็นสีแดงตัดกับพื้นที่เต็มไปด้วยต้นมอสส์สีเขียว ถ้าหากใบไม้ตกลมมาและก็จะเปลี่ยนเป็นพื้นที่อย่างกับมีประพรมใบไม้สีแดงปกคลุมต้นมอสส์อยู่ เป็นเลิศเวลาที่น่าจำที่สุดตอนหนึ่งของการมาดูต้นมอสส์รวมทั้งใบไม้เปลี่ยนสีของสงฆ์ที่นี้
แล้วก็ในช่วงฤดูร้อนรอบๆวัดก็จะเต็มไปด้วยความเขียวชะอุ่มจากต้นมอสส์รวมทั้งใบไม้ทั่วรอบๆอีกหนึ่งจุดแข็งของสงฆ์ที่นี้เป็นรอบๆตึกหลักที่จะมีหน้าต่างรูปวงกลมสานด้วยไม้สลับกันเป็นรูปเหมือนกากบาทที่มีชื่อเรียกว่า โยะชิโนะ มะโดะ (Yoshino-mado) ทำให้สามารถมองเห็นความงามของสงฆ์ได้มากเพิ่มขึ้นถ้ามองผ่านช่องหน้าต่างนี้
วัดนี้มีตำนานกล่าวขานกันมาว่าในยุคปลายสมัยเฮอัน (Heian Period) มีนักเต้นนามว่า กิโอ (Gio) ที่หนีมาบวชอยู่ในวัดที่นี้ภายหลังที่ถูกซามูไรระดับเจ้าขุนมูลนาย ไทระ โนะ คิโยะโมะริ (Taira no Kiyomori) ให้เย็นชาแล้วก็จุดสำคัญกับนักเต้นบุคคลอื่นที่มีนามว่า โฮโตะโกะ โกเซน (Hotoko Gozen) ซึ่งตอนหลังได้ตามมาบรรพชาอยู่ในวัดนี้ด้วยชตากรรมที่คล้ายคลึงกันกับที่กิโอ (Gio) เคยได้เผชิญมา
อย่างไรก็ดี แม้ว่าประเทศไทยจะมีความหลากหลายของพืชกลุ่มไบรโอไฟต์สูง แต่การศึกษายังมีไม่มากนัก โดยข้อมูลความหลากหลายของชนิดที่มีอยู่ในขณะนี้เป็นการศึกษาโดยนักวิจัยต่างชาติที่ทำขึ้นมาเมื่อประมาณ 60-100 ปีมาแล้ว รายงานจำนวนไบรโอไฟต์ทั้งหมดในประเทศไทยประมาณ 1,000 ชนิด ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยยังมีข้อมูลด้านการกระจายพันธุ์และสถานภาพของพืชกลุ่มนี้ตลอดจนรายละเอียดประจำชนิดมีน้อยมาก
ดังนั้นการค้นหาตำแหน่งที่สามารถพบไบรโอไฟต์ชนิดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และจำเป็นต้องศึกษาควบคู่ไปกับการหาศักยภาพพิเศษของไบรโอไฟต์ เพื่อให้สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์ได้ทั้งนี้ ผศ.ดร.รสริน กล่าวทิ้งท้ายว่า ไบรโอไฟต์เป็นพืชจิ๋วที่มีคุณค่าสูงมาก แม้ประเทศไทยจะยังไม่เห็นถึงคุณค่าและประโยชน์ของพืชกลุ่มนี้มากนัก
แต่สำหรับนักวิจัยต่างชาติ ต่างกำลังจับตามองทรัพยากรที่อยู่ในประเทศของเรา เนื่องจากเขารู้ว่าพืชเหล่านี้มีประโยชน์และสามารถนำไปแปลงเป็นมูลค่าได้มากเพียงใด จึงเป็นหน้าที่ของนักวิจัยไทยที่จะต้องเร่งทำการศึกษา และสร้างบุคลากรที่มีความสนใจศึกษาในด้านนี้เพิ่มขึ้น เพื่อให้เราได้ทราบว่าทรัพยากรที่สำคัญของประเทศเราอยู่ที่ตรงไหนบ้าง และจะสามารถนำไปพัฒนาเพื่อนำประโยชน์ของพืชเล็กๆ g1g2bet จากป่า มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร