หลานม่า เอ็ม ที่ตกลงใจดร็อปเรียนตอนปีสี่ เพื่อมาเอาดีทางการเป็นนักแคสต์เกม แต่ว่าทำเช่นไรก็ไม่รุ่ง เอ็มเลยคิดจะมั่งมีด้วยการทำงานสบายๆแบบ มุ่ย ลูกพี่ลูกน้องที่รับดูแลอากงที่เจ็บป่วยระยะท้ายที่สุด กระทั่งเปลี่ยนเป็นผู้สืบสกุลผู้เดียวที่ได้รับมรดกเป็นบ้านราค้างกว่าสิบล้าน ทางการเป็นคนรวยรออยู่ข้างหน้า เอ็มก็เลยสมัครใจไปดูแล อาม่า ที่ตรวจเจอว่าเป็นโรคมะเร็ง แล้วก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินปี โดยหวังจะได้มรดกหลักล้านเหมือนกัน
เมื่อหลานกับอาม่าที่อายุห่างกันกว่า 50 ปี จำต้องมาอยู่ร่วมกัน การต่อปากหลากคำก็เลยเกิดขึ้นในทุกโมเมนต์ แต่ว่ามันกลับ เป็นตอนในตอนที่ทำให้อาม่าลืมเหงาหงอย จากการเฝ้ารอคอยลูกชายคนโต กู๋เคี้ยง บุตรสาวคนกลาง อย่าง แม่ของเอ็ม และก็ลูกชายคนเล็กอปิ้ง กู๋โส่ย ที่จะมาพร้อมหน้าพร้อมตากันตามเทศกาลต่างๆเพียงแค่นั้น ไม่น่าเชื่อว่างานที่เริ่มทำเนื่องจากหวังมั่งคั่ง จะมีผลให้คนแย่ๆอย่างเอ็มได้ทราบว่าคำว่า “ครอบครัว” มีค่ามากยิ่งกว่าเงิน
หลานม่า หนังไทยแนวครอบครัวดราม่าจากค่าย GDH มีแรงดลใจจากความเป็นจริงที่มีทุกครอบครัว
ภาพยนตร์บันทึกระยะเวลามีค่าของสิ่งที่เรียกว่า ครอบครัว ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของ บิวกิ้น ความมั่งคั่งตระกูล มีระบุเข้าฉาย ยินดีต้อนรับเดือนที่ปีใหม่ไทย ช่วงที่วันสงกรานต์ เปิดฉากด้วยภาพยนตร์ที่จะมาเติมเต็มความอบอุ่นในใจ ” (LAHN MAH)” ที่เล่าผ่านเรื่องราวครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน สร้างโดย จอกว้างเวิ้ง ฟิล์มถ่ายรูป ขายโดย จีดีเอช ห้าห้าเก้า ควบคุมภาพยนตร์โดย “พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์” อำนวยการสร้างโดย “ชาติชั้นวรรณะฤดี ดงษ์สิทธิศักดา และก็ จิระ มะลิกุล” ระบุฉายวันที่ 4 เดือนเมษายน พุทธศักราช 2567
เรื่องราวของ เอ็ม (บิวกิ้น ความมั่งคั่งเหล่ากอ) ที่ตกลงใจลาออกจากงานประจำกลับมาดำรงชีวิตร่วมกับ อาม่า (รุ่งเช้า เสมคำ) ผู้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของครอบครัว ข้างหน้าที่ดูราวกับว่าหลานจะมาดูแลอาม่าในตอนปลายชีวิต แต่ว่าโดยความเป็นจริงแล้ว เอ็ม มีเป้าประสงค์อะไรบางอย่างหลบซ่อนอยู่ ภายหลังจาก เอ็ม รับทราบว่า มุ่ย (ตู ต้นพระอาทิตย์) จะได้รับมรดกก้อนใหญ่เป็นบ้านราค้างสิบล้านบาทจากอากง ก็เลยจำต้องทำทุกๆสิ่งทุกๆอย่างเพื่ออาม่าเชื่อใจ แต่ว่ากำแพงที่อาม่าตั้งไว้ ทำให้เอ็มได้เริ่มทำความเข้าใจการใช้ชีวิตไปทีละเล็กทีละน้อย จนถึงบางอย่างถูกอามาแปรไปอย่างสิ้นเชิงเป็นเรื่องราวที่มีเค้าแรงดลใจมาจากข้อเท็จจริงในครอบครัวสังคมไทย โดยถูกตีความหมายผ่านนักแสดงหลักอย่าง เอ็ม (บิวกิ้น ความสมบูรณ์โคตร) ภายหลังจากเจ้าตัวตกลงใจดคอยปเรียนตอนปี 4 เพื่อหวังเติบโตในแวดวงอาชีพ นักแคสต์เกม แต่ว่าจนแล้วจนรอดทำอย่างไรก็ไม่รุ่ง
หลังจากนั้น เอ็ม ก็เลยคิดแผนว่าตนจะดำเนินงานสบายๆหวังแปลงเป็นคนมั่งมี แบบ มุ่ย (ตู ต้นพระอาทิตย์)
ลูกพี่ลูกน้อง ที่รับหน้าที่ดูแลอากงที่เจ็บป่วยระยะท้ายที่สุด กระทั่งแปลงเป็นผู้สืบสกุลเพียงผู้เดียวที่ได้รับมรดกเป็นบ้านราค้างกว่าสิบล้านบาทก็เลยทำให้เขาสมัครใจไปดูแล “อาม่า” (ตุ๊ด-รุ่งเช้า เสมคำ) ที่ตรวจผบว่ามีอาการป่วยเป็นโรคมะเร็ง และก็คาดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งปี โดยการสมัครใจมาดูแลอาม่าก็เพื่อหวังจะได้รับมเกลื่อนกลาดเป็นสินทรัพย์หลายล้านด้วยเช่นเดียวกันแล้วก็แล้วเมื่อหลานกับอาม่าที่อายุห่างกันกว่า 50 ปี จะต้องมาอยู่ร่วมกัน ความยุ่งเหยิงต่างๆก็เลยได้เริ่มก่อตัวขึ้น ทั้งยังทัศนคติที่ไม่ลงรอย การต่อปากหลากคำในประเด็นต่างๆที่เขาทั้งคู่ไม่รู้ตัวเลยว่า มันจะแปลงเป็นความจำที่ยากจะลืม และก็ก่อตัวเป็นความผูกพันธ์จนถึงอบอุ่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนอกนั้น การดูแลของ เอ็ม ยังช่วยทำให้ปรับอาม่า คลายความว้าเหว่จากการจะต้องจาก ลูกชายคนโต กู๋เคียง (ดู๋ ข้อตกลง) บุตรสาวคนกลางอย่าง แม่ของเอ็ม (เจีย สฤญรัตน์) แล้วก็ลูกชายคนเล็กอปิ้ง กู๋โส่ย (เผือก พงศธร) ที่จะแวะมาเยี่ยมเยือนในตอนเทศกาลและก็วันสำคัญต่างๆเพียงแค่นั้น
นอกเหนือจากนี้ กระแสของภาพยนตร์ ได้เปลี่ยนเป็นที่เล่าขานบนสื่อโซเชียล จากในกรณีที่ค่ายจีดีเอชได้โปรโมทภาพยนตร์โดยออกประกาศหยุดพิเศษในวันแรกของการฉายภาพยนตร์ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เพื่อบุคลากรได้กลับไปอยู่ที่บ้านไปใช้เวลาด้วยกันกับผู้ที่นึกถึง หรือจะพาคนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัวไปใช้เวลาดูภาพยนตร์นี้ร่วมกันในโรงหนัง ต่อจากนั้นก็มีบริษัทอื่น อาทิเช่น กันตนา สมอลล์รูม ฯลฯ ออกประกาศในลักษณะเดียวกัน เพื่อสะท้อนปัญหาสิทธิวันหยุดของแรงงานไทย ที่มักถูกผู้ประกอบธุรกิจเอารัดเอาเปรียบอยู่หลายครั้ง.
เดินหน้าถ่ายทำกันมาได้พักใหญ่ๆสำหรับผลงานหนังเรื่องแรกของชายหนุ่ม “บิวกิ้น ความมั่งคั่งเหล่ากอ” กับ “The Chinese Family” (Working Tiltle) ของ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ที่เคยฝากผลงานการดูแลไว้ภายในซีรีส์ เฉลี่ยวฉลาดเกมส์คดโกง กับเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวชาวจีน รวมทั้ง Generation Gap ในครอบครัวสมัยใหม่ ปัจจุบันมีความก้าวหน้าจากเว็บ Screen Daily โดยตัวแทนขายของ GDH อย่าง WME Independent ได้กล่าวมาว่า หนังประเด็นนี้จะมีชื่อภาษาอังกฤษว่า “How To Make Millions Before Grandma Dies” และก็มีแพลุกลนจัดเตรียมที่จะนำไปเปิดตัวแล้วก็ขายที่งาน European Film Market (EFM) ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน อีกด้วย
ในหนัง How To Make Millions Before Grandma Dies “บิวกิ้น” รับบทบาทหนุ่มน้อยที่ลาออกจากงานมาเพื่อดูแล “อาม่า”
ที่กำลังจะเสียชีวิต ซึ่งเขามิได้ทำไปด้วยความรัก แม้กระนั้นทำเนื่องจากหวังมรดกราคานับล้านต่างหาก เขาจะต้องพากเพียรอย่างมากเพื่อจะได้เป็นหลานรักที่อาม่าจะชูมรดกทั้งสิ้นให้ก่อนที่จะเวลาของอาม่าจะหมดลงดังนี้ บิ้วกิน เคยให้สัมภาษณ์ถึงความตั้งอกตั้งใจและก็ทุ่มเทกับหน้าที่นี้ ถึงกับขนาดลดหุ่น 10 กก. เพื่อความเหมือนจริง สรุปว่าใครกันแน่ที่ต้องการดูหนังประเด็นนี้ก็ยั้งใจรอคอยกันอีกนิด เพราะว่า ” How To Make Millions Before Grandma Dies” วางระบุฉายไว้ 4 เดือนเมษายน 2024 น่าไว้วางใจเลยว่างานนี้มีเสียน้ำตากันอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเหตุว่าเพียงแค่อ่านเค้าโครงเรื่องโดยประมาณน้ำตาก็คลอแล้ว !!!
หลานม่า “” หนังครอบครัวเรื่องยอดเยี่ยม จาก GDH ที่ว่าด้วยหลานตัวยุ่งมาอุปถัมภ์อาม่าเพื่อหวังฮุบทรัพย์สมบัติ ก่อนที่จะพบว่ามีสิ่งจำเป็นมากกว่าเงิน ไม่ผิดนักถ้าหากจะพูดว่า “” สร้างการเกิดให้แวดวงหนังไทยไปแล้ว เนื่องจากตั้งแต่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างออกมา ก็ทำให้คนปลื้มปิติได้แล้ว และก็เมื่อฉายในโรงหนังก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง เนื่องจากทุกคนที่ก้าวเท้าออกมาจากโรง ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่เป็น หนังดราม่าเรียกน้ำตาของปี 2567 จริงๆนอกเหนือจากนั้น เรียกได้ว่า GDH เลือกเดินมาถูกทาง เพราะว่าการหยุดพักจากหนังรักวัยรุ่น แล้วหันมาจับใจความสำคัญครอบครัวที่เกิดเรื่องใกล้ตัว ก็จัดว่าช่วยในการเปลี่ยนอารมณ์ให้กับผู้ชมได้ รวมทั้ง ทำให้ “” ที่มีเรื่องราวปกติ มองมีความพิเศษสะดุดตากว่าเรื่องอื่นๆเนื่องจากตั้งแต่คำโปรยปรายจนกระทั่งแบบอย่าง พวกเราจะมีความคิดเห็นว่ามันเกิดเรื่องงดเว้นราม่าระหว่างบุตรหลาน กับบิดามารดาที่แก่ ที่เกิดเรื่องจริงในทุกครอบครัว ก็เลยเจาะกลุ่มชนมองได้มากกว่าเพียงแค่วัยรุ่น
หนังจะพาพวกเราไปติดตามชีวิตของ “เอ็ม (บิวกิ้น ความเจริญวงศ์วาน)” วัยรุ่นปกติคนหนึ่งที่ดคอยปเรียนมหาวิทยาลัย
แล้วมาทำอาชีพแคสต์เกม เพื่อหวังจะรวบกล้วยๆแม้กระนั้นในที่สุดเขาก็เป็นไปได้เพียงแค่ นักแคสต์เกมโนเนมที่ล้มเหลว แล้วก็ไม่เคยรู้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อดี แม้กระนั้นแสงไฟที่ความร่ำรวยก็ปรากฏขึ้น เมื่อ มุ่ย (ตู ต้นพระอาทิตย์) ลูกพี่ลูกน้อง ได้รับมรดกเป็นบ้านที่ขายได้ 10 ล้าน จากวิธีการทำเพียงแค่ ดูแลอากงที่เจ็บป่วยว่ากล่าวระยะท้ายที่สุด ซึ่งทำให้เอ็มคิดขึ้นได้ว่า ครอบคัวตนเองก็มี อาม่า (กะเทยแอุษา เสมคำ) มีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะในที่สุดแบบเดียวกัน แถมบุตรหลานก็ไม่ค่อยแวะเวียนไปพบด้วย เอ็มก็เลยสมัครใจไปดูแลอาม่า พร้อมทั้งความฝันที่กำลังจะได้รับมรดกเพื่อร่ำรวยกล้วยๆราว มุ่ย
ก็เลยทำให้คนต่างแบบอย่าง ที่มีช่องว่าอายุห่างกันแทบ 50 ปี จะต้องมาดำรงชีวิตอยู่ร่วมกัน ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่เอ็มจะเปลี่ยนเป็นหลานรักของอาม่า เพราะเหตุว่าอาม่าก็มีลูกอีกตั้ง 3 คน ที่บางทีอาจได้มรดกแบบเดียวกัน งานนี้เอ็มหลานตัวยุ่ง ก็เลยจำต้องบากบั่นมากยิ่งกว่าที่คิด แม้กระนั้นความพากเพียรนั้นกลับทำให้เอ็มศึกษาค้นพบสิ่งที่จำเป็นกว่า “เงิน” ที่วาดวิมานในอากาศเอาไว้ ด้วยเหตุว่าทุกเมื่อเชื่อวันที่จำต้องดูแลอาม่าได้สอนบางสิ่งที่ลึกซึ้งมากกว่าสิ่งไหนๆในชีวิต ให้กับเอ็มในตอนสุดท้าย tournesolbio
พล็อตของหนังหัวข้อนี้ไม่มีอะไร หวือหวา และไม่มีแผนการฮุบโภคทรัพย์อาม่าแบบลับลวงบดบัง แต่ว่าจะเป็นภาพชีวิตประจำวันของเอ็มกับอาม่าแทบตลอดทั้งเรื่องหนังเปิดเรื่องมาด้วยอาม่ากับครอบครัวมาเช็งเม้งร่วมกัน โดยพวกเราจะมองเห็นลูกของอาม่าทุกคน เป็นต้นว่า “กู๋เคียง (ดู๋ คำสัญญา)” ลูกชายคนโตของอาม่า “ซิว (สฤญรัตน์ โทมัส)” แม่ของเอ็ม แล้วก็ลูกชายคนเล็ก “กู๋โส่ย (เผือก พงศธร)” ซึ่งอีกทั้ง 3 คน ก็เสมือนภาพแทนครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนยุคใหม่ ที่แยกกันอยู่คนละบ้าน ถ้าหากไม่ใช่ตอนเทศกาลหรือวันหยุด ก็จะไม่กลับมารวมกัน หลานม่า
พวกเราจะมีความเห็นว่า กู๋เคียง เป็นลูกชายที่ไปถึงเป้าหมายมากกว่าคนใด
ในเวลาที่ซิวเป็นลูกที่พอเพียงพอมีพอกิน แม้กระนั้นไม่มีอะไรเด่น ส่วนกู๋โส่ยก็เป็นลูกที่ชั่วช้าสารเลว ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ก็เลยทำให้กู๋เคียงมองเป็นลูกรักของอาม่า รวมทั้งญาติคนอื่นๆได้แม้กระนั้นริษยา และก็รอล้อเลียนอยู่เสมอแต่ว่าถึง ตัวของกู๋เคียง จะมีทั้งยังเงินแล้วก็ความพร้อมเพรียงสำหรับการดูแลอาม่ามากยิ่งกว่าคนใดกัน แต่หน้าที่ดูแลผู้สูงอายุยามเจ็บไข้ได้ป่วยกับเป็นของ ซิว ที่เป็นบุตรสาว ซึ่งบางทีอาจสื่อว่าบุตรสาวจำเป็นต้องดูแลบิดามารดา ดังที่พวกเรามองเห็นในฉากแรกที่อาม่าเข้าโรงหมอ แต่ว่าเพศชายในครอบครัวทุกกลับไม่มีผู้ใดว่างมาดูแลเลยสักคน เว้นแต่ซิวแค่นั้น
นอกเหนือจากนี้ยังมีหลักสำคัญที่ญาติพี่น้องใครกันแน่ควรจะได้มรดกแทรกสอดอยู่ด้วย ด้วยเหตุว่าจะมีฉากที่บุตรสาว กล่าวเชิงรู้สึกน้อยใจว่า ตนเองเป็นคนดูแลบิดามารดาตลอดระยะเวลาแท้ๆแม้กระนั้นเพียงพอถึงเวลาพวกเขากลับชูมรดกให้ลูกชายกล้วยๆทำให้พวกเรามีความเห็นว่าการที่ชาวจีนโปรดลูกชายเหลือเกิน สร้างรอยร้าวทางจิตให้กับผู้ที่เป็นบุตรสาวมากมาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อบุตรสาวสมรสออกไป ก็จะต้องใช้แซ่อื่นทั้งสิ้นทั้งหลายทั้งมวลนี้ คือปัญหาข้างในของครอบครัวจีน ซึ่งหนังก็สะท้อนออกมาตรงๆแบบไม่ต้องมีมุกตลกขบขันมาแทรก ก็เลยไม่แปลกที่ผู้คนจำนวนมากจะอินภายหลังได้มองประเด็นนี้
ในตอนแรก เอ็มมีความรู้สึกว่าการไปดูแลอาม่าเป็นเรื่องง่าย เนื่องจากว่าเพียงแค่ไปอยู่ด้วย เอาเงินมาให้ จับจ่ายซื้อของมาฝาก ก็สามารถซื้อใจอาม่าได้แล้ว
แม้กระนั้นเมื่ออาม่าไล่เอ็มให้กลับไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่วันแรก ก็เลยทำให้เอ็มจำต้องกลับมานั่งคิดทบทวนใหม่ว่าเขาทำอะไรไม่ถูกไป แล้วก็เมื่อเขาได้คุยกับมุ่ย ที่ร่ำรวยจากการเป็นลูกรักอาขี้งกงได้จากแบบอย่างหนัง มีประโยคหนึ่งที่ ฮุกดวงใจผู้ชมได้อย่างแน่แท้ โน่นเป็นฉากที่ มุ่ย กล่าวกับเอ็มว่า “สิ่งที่คนวัยชราอยากได้ แต่ว่าบุตรหลานให้มิได้เป็นเวลา”
เมื่อได้ยินแบบงั้น เอ็มก็เลยรู้เรื่องอะไรๆเยอะขึ้น และก็กลับไปทำแต้มกับอาม่าใหม่ รวมทั้งคราวนี้เขาก็ทำเป็นดียิ่งขึ้นซึ่งคุณความดีของหนังประเด็นนี้เป็น หลานม่า สามารถถ่ายทอดความเกี่ยวพันที่เบาๆปรับปรุงขึ้นของเอ็มและก็ม่าออกมาได้อย่างงดงาม ซึ่งจำนวนมากจะเป็นการทำกิจวัตรที่ทำทุกๆวันร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นรับประทานข้าว แต่งตัวให้กัน ขายโจ๊ก หรือเดินทางไปโรงหมอ ซึ่งทำให้พวกเรามีความคิดเห็นว่า คนสูงอายุทุคนล้วนเป็นคนหงอยเหงา แล้วก็อยากคนมาทำอะไรต่างๆร่วมกันเสมอ เพียงแค่พวกเขามักรังเกียจบอกตรงๆเนื่องจากว่ากลัวว่าจะก่อกวนเวลาบุตรหลาน
มั่นใจว่าทุกคน จะต้องเคยได้เห็นภาพเพื่อนพ้องหรือคนไหนตรงไหนก็ไม่ทราบ แสดงความกตัญญูรู้คุณ กับผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านของพวกเขา ไม่ว่าจะจากโลกอินเตอร์เน็ต หรือโลกความเป็นจริง แม้กระนั้นเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า เขาเหล่านั้นบางทีอาจกำลังทำความดีเพื่อหวังได้ทรัพย์สมบัติราวนักแสดง “เอ็ม” ใน “” ก็ได้ เพราะว่า เรื่อง “ทำความดี” กับ “การหวังผลทดแทน” เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันเสมอ ยิ่งในยุคที่ทุกๆอย่างเป็นเงินเป็นทองไปหมด พวกเราจะเชื่อมั่นได้เช่นไรว่าผู้ที่กลับมาหากัน จะมาแบบจริงใจ 100 เปอร์เซ็นต์จริงๆ